เกษตรทฤษฎีใหม่ เริ่มต้นจากแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเน้นการจัดการทรัพยากรและพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการพึ่งพาตนเองและความยั่งยืน แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ ทฤษฎีใหม่ขั้นต้น ทฤษฎีใหม่ขั้นกลาง และทฤษฎีใหม่ขั้นก้าวหน้า
ทฤษฎีใหม่ขั้นต้น
ทฤษฎีใหม่ขั้นต้น เป็นการจัดสรรที่ดินระดับไร่นา โดยมีการจัดการดินและน้ำเพื่อใช้ในการทำเกษตรขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วนตามอัตราส่วน 30 : 30 : 30 : 10 ดังนี้
- 30% เป็นสระน้ำ: สำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้งและการเลี้ยงสัตว์น้ำ
- 30% สำหรับปลูกข้าว: เพื่อใช้เป็นอาหารประจำครัวเรือนในฤดูฝน
- 30% ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชสวน พืชผักและสมุนไพร: เพื่อใช้กินในชีวิตประจำวันและจำหน่าย
- 10% เป็นที่อยู่อาศัยและอื่น ๆ: เช่น ที่เลี้ยงสัตว์ โรงเรือน ถนน คันดิน กองฟาง โรงหมักปุ๋ย ลานตาก และสวนไม้ดอกไม้ประดับ
การจัดการพื้นที่ในลักษณะนี้ช่วยให้เกิดการใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างคุ้มค่า และช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอก และเสริมสร้างความยั่งยืนในระบบเกษตรกรรม
ทฤษฎีใหม่ขั้นกลาง
ทฤษฎีใหม่ขั้นกลาง เป็นการรวมพลังกันเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์ ร่วมแรงร่วมใจในการดำเนินการในด้านต่าง ๆ ดังนี้
- การผลิต: ร่วมมือกันตั้งแต่เตรียมดิน หาพันธุ์ หาน้ำ เตรียมปุ๋ย เพื่อเพาะปลูก การรวมพลังกันในชุมชนทำให้เกษตรกรสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การตลาด: เตรียมจำหน่ายเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ปลูกเอง แปรรูปเอง ขายเอง รวมตัวกันขายเพื่อให้ได้ราคาดี และตัดวงจรพ่อค้าคนกลาง การรวมตัวกันในลักษณะนี้ช่วยเพิ่มอำนาจการต่อรองของเกษตรกรในตลาด
- ความเป็นอยู่: เกษตรกรต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีสมฐานะ การรวมกลุ่มกันทำให้สามารถแบ่งปันทรัพยากรและความช่วยเหลือกันในชุมชน
- สวัสดิการ: แต่ละชุมชนควรจัดตั้งกองทุนไว้ให้สมาชิกเมื่อจำเป็น เช่น การเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต การมีสวัสดิการช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับเกษตรกร
- การศึกษา: มีโรงเรียนในชุมชนเพื่อส่งเสริมการศึกษา นำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสอดแทรกในการสอนและเน้นให้นักเรียนดำรงชีวิตด้วยการพึ่งพาตนเองให้ได้ การศึกษาเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาชุมชน
- สังคมและศาสนา: ชุมชนควรเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาโดยมีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว การมีศาสนาและวัฒนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวช่วยสร้างความสามัคคีในชุมชน
ทฤษฎีใหม่ขั้นก้าวหน้า
ทฤษฎีใหม่ขั้นก้าวหน้า เมื่อผ่านพ้นไป 2 ขั้นแรกแล้ว เกษตรกรจะมีรายได้ที่ดีขึ้น มีฐานะความเป็นอยู่ที่มั่นคงขึ้น และมีการจัดหาแหล่งเงินทุนเข้ามาช่วยในกลุ่มสหกรณ์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิก
- รายได้ที่ดีขึ้น: เกษตรกรจำหน่ายข้าวได้ในราคาสูง เป็นการขายตรงสู่มือผู้บริโภคโดยไม่ผ่านคนกลาง การขายตรงช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
- ซื้อของในราคาต่ำ: เกษตรกรซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคได้ในราคาต่ำเพราะรวมกันซื้อมาก ๆ (รวมกลุ่มซื้อในนามสหกรณ์) การรวมกลุ่มซื้อช่วยลดต้นทุนการดำเนินชีวิต
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือเกษตรยั่งยืน มีลักษณะการผลิตที่เลียนแบบระบบนิเวศของธรรมชาติ มีความหลากหลายทางชีวภาพ ลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอกให้น้อยที่สุด ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชโดยวิธีธรรมชาติ ลดการใช้สารเคมีซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้และส่งผลเสียต่อดินในระยะยาว ปลูกพืชที่เกื้อกูลกันเพื่อสร้างความสมดุลของธรรมชาติในระยะยาว
การจัดการทรัพยากรระดับไร่นา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริในการจัดการทรัพยากรระดับไร่นา เน้นการพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือตนเองเป็นหลัก โดยเน้นไปที่การพึ่งพาตนเองในด้านอาหารก่อน เช่น ข้าว พืชผักผลไม้ ฯ จากนั้นค่อยไปเน้นที่ เกษตรทฤษฎีใหม่ ใน 3 ขั้นตอนที่กล่าวมา และทรงพยายามเน้นมิให้เกษตรกรพึ่งพาการปลูกพืชชนิดเดียวซึ่งมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก เนื่องจากราคาที่ผันผวน ควบคุมไม่ได้และความไม่แน่นอนของธรรมชาติ
เกษตรทฤษฎีใหม่กับการเกษตรยั่งยืน
เกษตรทฤษฎีใหม่ นำไปสู่การทำเกษตรที่ยั่งยืนและเกษตรธรรมชาติ ที่เน้นไปที่การลดค่าใช้จ่ายและการพึ่งพิงธรรมชาติเป็นปัจจัยสำคัญ เช่น การปลูกพืชตระกูลถั่วเป็นพืชหมุนเวียนเพื่อให้ได้ปุ๋ยจากธรรมชาติ โดยเป็นการหันมาใช้ปุ๋ยจากธรรมชาติแทนปุ๋ยเคมีที่มีราคาสูง หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ความหลากหลายทางชีวภาพและการพึ่งพาตนเอง
การปลูกพืชหลากหลายชนิดในพื้นที่เดียวกัน ช่วยเสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศ การปลูกพืชหลากหลายชนิดช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชและเพิ่มความสมดุลในระบบนิเวศ นอกจากนี้ การใช้พืชที่เป็นแหล่งปุ๋ยธรรมชาติ เช่น ถั่ว ช่วยเพิ่มปริมาณไนโตรเจนในดิน ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น การพึ่งพาธรรมชาติเหล่านี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง
การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม
การรวมตัวกันเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มผลผลิตและรายได้ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสามัคคีและความมั่นคงในชุมชน การมีแหล่งทุนที่มั่นคงช่วยให้เกษตรกรมีโอกาสพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนทำให้เกิดความยั่งยืนและความมั่นคงในระยะยาว
การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการทำเกษตรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุน เทคโนโลยีที่ใช้ได้แก่ การใช้ระบบน้ำหยดในการรดน้ำ การใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจวัดสภาพดินและน้ำ และการใช้ระบบการจัดการฟาร์มแบบดิจิทัล เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยเพิ่มผลผลิตและลดการสูญเสียทรัพยากร
การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
เกษตรทฤษฎีใหม่ยังเน้นการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การปลูกพืชที่ทนต่อสภาพอากาศแปรปรวน และการใช้เทคโนโลยีในการตรวจวัดและคาดการณ์สภาพอากาศ ช่วยให้เกษตรกรสามารถปรับตัวและรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การศึกษาและการเรียนรู้
การศึกษาและการเรียนรู้เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเกษตรทฤษฎีใหม่ การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างเกษตรกร การมีศูนย์การเรียนรู้และการฝึกอบรมในชุมชนช่วยเสริมสร้างความรู้และทักษะในการทำเกษตรอย่างยั่งยืน การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการเรียนรู้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำเกษตร
สรุป
เกษตรทฤษฎีใหม่ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้กับประชาชนชาวไทย ถือเป็นการทำเกษตรที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ การจัดการทรัพยากรอย่างมีระบบ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการศึกษาและการเรียนรู้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เกษตรทฤษฎีใหม่ประสบความสำเร็จและเป็นต้นแบบให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ